Skip to content

Shanghai Day 2 เที่ยวไปกินไปวันสุดท้ายในตัวเมือง เซี่ยงไฮ้

ตลาด 100 ปี เฉินหวังเมี่ยว , b&L family, Bella, Bljourney, ,Family, pantip, Review, The Journey of B&L Family, Travel, กระเตงลูกเที่ยว , เลี้ยงลูกนอกบ้าน, แม่และเด็ก , pantip ,พาลูกเที่ยว , , ครอบครัว , ที่พัก , พาลูกเที่ยวดะ , พาลูกเที่ยว , เลี้ยงลูกนอกบ้าน ,กระเตงลูกเที่ยว , เที่ยวเมืองจีน , เซียงไฮ้ ,กวางเจา , เที่ยวเซี่ยงไฮ้ , ด้วยตัวเอง , แบคแพค , ตั๋วเครื่องบินราคาถูก , คู่มือเที่ยวจีน , ดิสนีย์แลนด์ , ประเทศจีน , รถไฟความเร็วสูง , shanghai , maglev , ที่เที่ยวสำหรับเด็ก , สตาร์บัค , ใหญ่สุดในโลก , Shanghai , เซียงไฮ้, ประเทศจีน , Low Cost , Full Service , แอร์เอเชีย , air asia , air asia x , รถไฟแม่เหล็กความเร็วสูง , ชาบู 6 ดาว , Hai Di Lao , ที่พัก , โรงแรม , เที่ยวเอง , Nanjing , the bund , west Nanjing , east Nanjing , metro , แผนเที่ยวเซียงไฮ้ , เมืองเซี่ยงไฮ้ , เซี่ยงไฮ้ , ชาบู 6 ดาว , The Bund , ตลาดอวี้หยวน , Yuyuan Garden Market ,ตลาด 100 ปี , เฉินหวังเมี่ยว , ฉันยุ่งมาก , Nanxiang , Nanxiang Steamed Bun Restaurant ,เสี่ยวหลงเปา , City God Temple  , ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเซี่ยงไฮ้ ,หอไข่มุก, เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว , ไว่ทาน , Waitan, Shanghai Financial Tower , Charging Bull , ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซี่ยงไฮ้ , West Nanjing , Hot Pot Restaurant , Hai Di Lao , Hai Di Lao Hot Pot 

กระเตงลูกเที่ยว เซี่ยงไฮ้ ผ่านไปได้อย่างสบายๆในวันแรก เที่ยวไปหลงไป พยายามปรับตัวให้ชินกับแอพต่างๆ เส้นทางของรถไฟใต้ดิน และวิถีชิวิตของคนจีนที่นี่ วันที่สองนี้จึงวางแพลนหลวมๆ เน้นร้านอาหารร้านดังๆที่เค้าบอกกันว่าต้องมาลอง จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่า 

วันแรกเที่ยว เซี่ยงไฮ้ ไปพอหอมปากหอมคอวันนี้เราจะไปตะลุยกิน กิน และ กินกัน หลังจากที่เมื่อวานเราพลาดชาบู 6 ดาวไป เช้าวันนี้เราเลยขอความช่วยเหลือจากฟร้อนท์ที่โรงแรมให้ช่วยจองร้านให้หน่อย ซึ่งเท่าที่เสิร์ชมา แถว The Bund ก็มีสาขาเช่นกัน ฟร้อนท์ส่งภาษาแล้วหันมาบอกว่าที่นี่เค้าไม่รับจองนะ ต้อง walk in เท่านั้น
วันนี้ชั้นต้องกินให้ได้!!!!

วันที่ 2 นี้ เราจะพากันไปที่ตลาดอวี้หยวน Yuyuan Garden Market หรืออาจเรียกได้อีกชื่อว่า  ตลาด 100 ปี เฉินหวังเมี่ยว การเดินทางก็แสนง่าย นั่ง Metro สาย 10 ลงที่สถานี Yuyuan Garden แล้วเดินตามป้ายไปเลย หากว่าหาป้ายไม่เจอ ก็เดินตามฝูงชนไปก็ได้ค่ะ ไม่หลงแน่นอน

เรามากันวันอาทิตย์ คนเลยค่อนข้างเยอะนิดนึง ขึ้นมาก็เดินไหลๆตามๆกันไปเลยค่ะ 

เมืองจีนจะมีร้านน้ำมะม่วงที่โด่งดังมากๆคือ ฉันยุ่งมาก เห็นป้ายร้านไกลๆรีบเดินเข้าไปดูเลย อ้าวเห้ยยย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า 

มองไปทางซ้ายถัดไปสามห้อง ถึงจะเจอร้านที่ออริจินัล แหม ขายกันแบบนี้เลยสมเป็นเมืองจีนมากๆ

ที่นี่ จะมีสวนอวี้หยวนอันโด่งดังด้วย ด้านหน้าทางเข้าสวนจะมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีคนยืนมุงกันอยู่เต็มเลย เราไปมุงบ้าง อ้าว เค้ามุงปลาคาร์พกัน ซึ่งเราไม่เข้าใจอ้ะ เลยไม่ตัดสินใจเข้าไปในสวน

จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์หลักคือจะมากินเสี่ยวหลงเปา เจ้าดังของเซี่ยงไฮ้กันต่างหาก Nanxiang Steamed Bun Restaurant ซึ่งร้านนี้อยู่ในตัวตลาดอวี้หยวนนี่แหละ อย่าถามเลยว่าไปยังไง เพราะบอกพิกัดไม่ถูกจริง ๆ แต่มันจะเป็นร้านที่มีคนต่อคิวเยอะสุด อยู่ตรงกลางๆเดินเข้าไปจะเห็นคิวยาวๆก่อนเลย  คิวจะแยกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่นั่งกินในร้าน และส่วนที่ซื้อกลับ เราเลือกต่อคิวนั่งกินในร้าน คิวไม่ได้ยาวมาก แต่ต้องยืนต่อคิวให้ครบทุกคน ตอนนั้นเรารอเพื่อนอยู่ บอกเค้าว่าเดี๋ยวอีก 3 คนจะมา เค้าก้อเตรียมปล่อยให้คิวข้างหลังไปก่อน โชคดีที่เพื่อนมาพอดี เลยได้ขึ้นกันตามคิว

รอนานชักหิวล่ะ  

ส่วนที่นั่งกินจะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งถ้าใครมีรถเข็นเด็ก ก็จอดไว้ข้างล่างได้ค่ะ มีที่วางเล็ก ๆ อยู่ เราสั่งเสี่ยวหลงเปาทุกรสมากินเลย ก็อร่อยดีนะคะ น้ำซุปอร่อยสมคำร่ำลือ แอบแปลกใจที่ว่าทำไมมันไม่ร้อนลวกปากนะ (แต่ถ้าใครพลาดก็ไม่ผิดนะ มันไม่ได้กินแล้วรู้สึกว่าโอ้ย…น้ำตาไหล)

อีกไฮไลท์ที่คนชอบมาแชะ โชว์กันก็คือ เสียวหลงเปาลูกยักษ์แบบนี้ และการกินก็ต้องใช้หลอดดูดน้ำซุปกันก่อน 

สำหรับเด็กๆเราเลยสั่งซาลาเปามินเนี่ยนมาให้กินกัน ซาลาเปาไส้ครีม หน้าตาน่ารักแต่รสชาติธรรมดา

อาหารอย่างอื่นก็โอเคค่ะ ทานได้ ผัดผักอร่อยดี ปอเปี๊ยะ ขาเป็ดก็อร่อยเหมือนกัน

แต่กิน ๆ กันอยู่ดี ๆ ลัลลาเบลเกิดปล่อยระเบิดขึ้น เราเลยไปต่อคิวห้องน้ำ คือร้านใหญ่นะ แต่ห้องน้ำมี 2 ห้อง หญิง 1 ชาย 1 และเป็นห้องน้ำแบบนั่งยอง ๆ เอริ่ม….จะเปลี่ยนเพิสกันอย่างไร คือต่อคิวก็นานละ เราต้องออกจากคิวมาเรียกป๊าแบงค์ แล้วพากันเข้าห้องน้ำชาย ซึ่ง……..น้ำตาจะไหล ฮรือออออออ ก็เปลี่ยนเพิสกันเสร็จกลับมากินต่อ พอกิจเสร็จก็เดินเที่ยวกันต่อ

มาดูค่าเสียหายกันมื้อนี้ ผู้ใหญ่ 4 เด็ก 3 ราคาก็ค่อนข้างสูงเหมือนกัน

มาเล่าถึงตัวตลาดบ้าง ที่นี่จะฟีลแบบตลาดโบราณ มีพวกผลไม้ชุบน้ำตาลขาย ซึ่งเราก็ไม่ได้ซื้อกินหรอกค่ะ เพราะเคยชิมกันมาแล้ว มันหวานไป๊

อ้อที่เก๋คือมีโรงหนังด้วยนะ คือจะมีคนจีนคนนึงพูด ๆ ๆ เชียร์แขก ถ้าใครสนใจก็จ่ายเงินแล้วไปส่องดู ตลกดีค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเรียกกันว่าอะไร เหมือนที่เคยเห็นในหนังจีนแล้วมีเสียงพากย์ไทยแบบตลกๆดูแล้วน่าสนุก

ที่เราเข้าไปอุดหนุนคือศิลปะการตัดกระดาษค่ะ หากว่าใครเคยไปเที่ยวเมืองจีน จะเห็นนักตัดกระดาษกางโต๊ะรับตัดกระดาษเป็นรูปหน้าคนกันสด ๆ ที่นี่ก็เช่นกัน เห็นอยู่หลายเจ้า เราเลือกเจ้านี้ หน้าละ 35 เหรียญ เค้าใช้เวลาแป๊บเดียวก็ตัดเสร็จ วันนั้นเบลล่าใส่มงกุฎ เค้าก็ตัดมงกุฎให้ด้วยนะคะ น่ารักดี เก็บเป็นที่ระลึกได้

และการมาเดินตลาดต่างถิ่นแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการหาอะไรอร่อยๆกินกัน

นอกจากร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดัง รอบ ๆตลาดก็มีเสี่ยวหลงเปาขายเช่นกัน เราไปชิมร้านที่มีเสี่ยวหลงเปาสีสลิ่ม 3 สีเลย รสชาติของร้านใหญ่อร่อยกว่า แต่ร้านนี้น้ำซุปร้อนจริง ร้อนลวกปาก เราชอบแพคเกจที่เค้าเสริฟมาในถ้วย มันคอนโทรลน้ำซุปไม่ให้หกได้ เห็นบางร้านเสริฟมาในจานกระดาษก็มี เวลากินนี่ลุ้นกันมากเลย

เสี่ยวหลงเปาที่นี่คิวยาวๆกันทั้งนั้นเลย 

ใครอยากกินแบบ Food Court ก็มีนะคะ 

อิ่มแล้วก็ขอแวะไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อน

City God Temple 

” เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว ” หรือ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เซี่ยงไฮ้ สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่15 คนจีนและนักท่องเที่ยวจะมาไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันเยอะเลยค่ะ โดยจะมีค่าเข้าชม 10 หยวน

เบลล่าผู้ชื่นชอบกับการเที่ยววัดและไหว้พระ ชอบสุดๆ

ถ้าเพื่อนๆมีเวลา ระหว่างมาเที่ยวที่ Yu Yuan ก็น่าจะแวะเข้ามาค่ะ

ก่อนจะออกจากบริเวณนี้ ขอวกมาเล่าเรื่องห้องน้ำอีก เมื่อกี้ลัลลาเบลได้เข้าห้องน้ำที่ร้านเสี่ยวหลงเปาแล้ว แล้วห้องน้ำสาธารณะเป็นอย่างไร เราได้ไปเข้าห้องน้ำที่ตลาด ห้องน้ำนี่จะอยู่ในซอกห้องขยะ เรื่องกลิ่นไม่ต้องพูดถึง เบลล่ากรีดร้องไปแล้ว แต่ก็บอกว่าให้เข้าให้เรียบร้อย เพราะมันหาห้องน้ำยากนะ คนจีนเค้าจะชอบเข้าห้องนั่งยอง ๆ กัน คิวชักโครกเลยสั้นกว่า แต่เวลาจะกดน้ำ แนะนำให้เปิดประตูให้ลูกออกมาก่อน เพราะแรงดันน้ำแรงมาก กระจัดกระจายเลยทีเดียว T T 

นอกจากของกินต่างๆก็จะมีของจีนอื่น ๆ ขายเช่นชุดกี่เพ้า ตุ๊กตาจีนต่าง ๆ ถ้าใครถนัดต่อก็ต่อลุยได้เลยค่ะ เราว่ามันไม่ค่อยต่างจากของจีนที่ขายที่บ้านเราเท่าไหร่ เลยไม่ได้ช้อปปิ้ง ต่อจากจุดนี้ เราจะไปถ่ายรูปกับหอไข่มุกกันที่ The Bund กันต่อค่ะ

จากตลาดอวี้หยวน เราสามารถเดินไปที่ The Bund  หรือ ไว่ทาน (Waitan) ได้ เพราะลองคิดระยะทางเมื่อเดินไปถึง Metro แล้วต่อรถไฟ 1 สถานี และต้องเดินต่อแล้ว มันพอ ๆ กันเลย และการเดินตามตรอกซอกซอยนี้ เรายังได้เห็นวัฒนธรรมของบ้านเมืองเค้าด้วยนะ ตาม 2 ข้างทางไม่ได้สกปรกเลยค่ะ แต่ก็หาถังขยะไม่ได้ง่าย ๆ  ฟุตบาธบ้านเค้าคล้าย ๆ กับบ้านเรา คือมีของวางบ้าง เกะกะบ้าง บางทีต้องลงมาเดินบนถนนบ้าง จุดนี้ชินนนนนนนนน เราไม่ได้ขึ้นหอไข่มุก และไม่ได้ขึ้นตึก Shanghai Financial Tower เพราะเวลาไม่พอ (เย็นนี้เราต้องกินชาบู 6 ดาวให้ได้) เราเลือกที่จะถ่ายรูปกับหอไข่มุกและตึก Shanghai Financial Tower ไกล ๆ ห่างกันคนละฝั่งแม่น้ำ ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึง The Bund ค่ะ

บริเวณนี้จะมีสะพานยกระดับขนานไปกับถนนที่โค้งไปตามริมแม่น้ำหวงผู่ ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเดินเล่น ถ่ายรูปชมวิวกัน ซึ่งตึกแถวนี้จะมีรูปทรง สถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก เพราะครั้งหนึ่งแถบนี้เคยเป็น เขตเช่าของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติชุดแรกของเอเชียเลย

ที่นี่ลมแรง และการขึ้นมาถ่ายรูปต้องหอบลูกจูงรถเข็นขึ้นบันไดกันมา (โชคดีที่ป๊าแบงค์แข็งแรง) ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ถ่ายรูปกันนานเลย ใกล้ ๆ กันจะมีธนาคารกรุงเทพ สาขาเซี่ยงไฮ้ด้วย และก็มีธนาคารมากมาย ถนนสายนี้ เลยมีประติมากรรมรูปปั้นวัวกระทิง “Charging Bull” ซึ่งเหมือนกันกับที่ Wall Street ที่อเมริกา จุดนี้มีคนมาถ่ายรูปมากมาย ใครอยากมาถ่ายรูปตึกสวยๆมาที่บริเวณนี้ได้เลย 

แต่ขอเมาท์ว่า การถ่ายรูปกันคนจีนเนี่ย ทำให้หงุดหงิดหลายทีละ คือมีคิว ก็ไม่รอคิวกัน แล้วเราถ่ายอยู่ ก็เข้ามาร่วมเฟรมด้วย ถามหน่อยว่ารูปมันจะออกมาดีมั้ย มีใครก็ไม่รู้เข้ามาวุ่นวาย แล้วถ่ายเสร็จไม่ออกนะ ยืนเช็ครูปกันนานเลย รมณ์เสีย!!!! ตรงนี้เราเจอคนจีนมาล้งเล้งพูด ๆ ชี้ ๆ ให้ระวังกระเป๋าด้วย จับจากท่าทางได้ความว่า ให้เอาเป้มาสะพายข้างหน้า จะได้ไม่ถูกล้วง เราไม่ได้ทำตามเค้าก็เซ้าซี้ จุดนี้ก็ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้เหมือนกัน

ตอนแรกเราว่าจะไปลอดอุโมงเลเซอร์ แต่ด้วยความที่เวลาบีบรัดหัวใจ เลยไม่ได้ไป (ซึ่งก็มีคนบอกว่า ไม่ไปก็ไม่ได้น่าเสียดายอะไรนะ) เรามาตามหาร้านชาบูกันต่อ เดินวนๆๆๆๆๆ จนรู้ว่า ที่สาขา The Bund มันได้ปิดไปแล้ว เหลือแต่สาขา West Nanjing ที่ยังเปิดอยู่ คุ้น ๆ มั้ย มันอยู่ใกล้ ๆ พิพิธภัณฑ์ที่เราไปเมื่อวานไงล่ะ ที่นี้ Google map มันใช้งานไม่ได้ คือมันจะใช้ได้กับสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ ๆ ดัง ๆ เท่านั้น ร้านนี้มันอาจจะนิชเกินไป (ใน Google Map ลงว่า Hot Pot Restaurant ) เราเลยใช้วิธีถามทางไป Hai Di Lao   Hot Pot ซึ่งในความคิดเรา เราว่ามันน่าจะดังแบบ ถามแล้วอ๋อ…… แต่ไม่ใช่เลย ทุกคนที่ถามคือให้ความช่วยเหลือดีมาก คือเปิดแมพให้ บอกทางอย่างละเอียด แต่ยิ่งเดิน ทำไมมันเหมือนเดินวนเป็นสี่เหลี่ยม และมันเริ่มมืดและเงียบลง ใจกลัวก็กลัวนะ คือเดินวนจนมาเจอตาบั๊กอะคิดดู ใจเสียละ เกรงใจเพื่อนด้วย ที่พาครอบครัวนางมาลำบาก (แต่เราก็ยังจะกิน)

สุดท้าย ตอนเจอตึกที่ชาบูนี่ตั้งอยู่นะ
น้ำตาเกือบไหล ดีใจมาก
(ถ้าหาไม่เจอป๊าแบงค์ด่าแน่นวล)

Hai Di Lao Hot Pot  ไม่ใช่บุฟเฟต์นะคะ อยู่ในตึกแห่งนึง ถ้าจาก Shanghai Natural History Museum ก็เดินตรงๆๆๆๆ จากตรงสวนสาธารณะที่เรารีวิวไปตอนที่แล้วค่ะ
หันหลังให้ Museum แล้วเดินมาประมาณ
700-800 เมตร

ตลาด 100 ปี เฉินหวังเมี่ยว , b&L family, Bella, Bljourney, ,Family, pantip, Review, The Journey of B&L Family, Travel, กระเตงลูกเที่ยว , เลี้ยงลูกนอกบ้าน, แม่และเด็ก , pantip ,พาลูกเที่ยว , , ครอบครัว , ที่พัก , พาลูกเที่ยวดะ , พาลูกเที่ยว , เลี้ยงลูกนอกบ้าน ,กระเตงลูกเที่ยว , เที่ยวเมืองจีน , เซียงไฮ้ ,กวางเจา , เที่ยวเซี่ยงไฮ้ , ด้วยตัวเอง , แบคแพค , ตั๋วเครื่องบินราคาถูก , คู่มือเที่ยวจีน , ดิสนีย์แลนด์ , ประเทศจีน , รถไฟความเร็วสูง , shanghai , maglev , ที่เที่ยวสำหรับเด็ก , สตาร์บัค , ใหญ่สุดในโลก , Shanghai , เซียงไฮ้, ประเทศจีน , Low Cost , Full Service , แอร์เอเชีย , air asia , air asia x , รถไฟแม่เหล็กความเร็วสูง , ชาบู 6 ดาว , Hai Di Lao , ที่พัก , โรงแรม , เที่ยวเอง , Nanjing , the bund , west Nanjing , east Nanjing , metro , แผนเที่ยวเซียงไฮ้ , เมืองเซี่ยงไฮ้ , เซี่ยงไฮ้ , ชาบู 6 ดาว , The Bund , ตลาดอวี้หยวน , Yuyuan Garden Market ,ตลาด 100 ปี , เฉินหวังเมี่ยว , ฉันยุ่งมาก , Nanxiang , Nanxiang Steamed Bun Restaurant ,เสี่ยวหลงเปา , City God Temple  , ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเซี่ยงไฮ้ ,หอไข่มุก, เหล่าเฉิงหวงเมี่ยว , ไว่ทาน , Waitan, Shanghai Financial Tower , Charging Bull , ธนาคารกรุงเทพ สาขาเซี่ยงไฮ้ , West Nanjing , Hot Pot Restaurant , Hai Di Lao , Hai Di Lao Hot Pot 

ซึ่งตอนที่เราเข้ามาในตึกนี้ก็เซอร์ไพรซ์มาก มีคนสูบบุหรี่กันในห้างเลยจ้า ขึ้นมาที่ชั้น 4 (ตอนเดินผ่านชั้น 3 มีร้านอาหารเวียดนาม บอกเพื่อนไว้ละว่าถ้ามันไม่ได้กินชาบู ก็กินร้านนี้เนอะ) เข้าไปเจรจาได้คิวมา จำได้ว่าเราได้คิวที่ 61 ตอนนั้นคิวที่ 41 อีก20 คิว

ซึ่งพนักงานที่นี่สมแล้วที่ถูกยกย่องว่าเป็นชาบู 6 ดาว นางรีบเอาขนม อาหารว่างมาเสริฟ มีของเล่นให้เล่น บ่อบอลก็มี เก้าอี้นวดก็มี มีนวดมือด้วยนะเราบอกพนักงานว่าเจ้นั่งรอตรงนี้นะ ถ้าถึงคิวแล้วถ้าเจ้ไม่แสดงตัว ให้มาเรียกเจ้ด้วย ระหว่างนี้ ป๊าแบงค์ไปเดินสำรวจร้าน เลยทำให้รู้ว่า เค้าจองคิวร้าน และบริการนวดของที่ร้านผ่านแอพ We chat ซึ่งเป็นภาษาจีนล้วน ๆ ตอนนั้นเหนื่อยและหิวเลยไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งสิ้น เด็ก ๆ ก็นั่งเล่นโอเทลโลกัน (ดูดีเนอะ จริง ๆ คือโยนเบี้ยโอเทลโลกัน) นั่งรอกันซักพักเราก็ได้โต๊ะเย่!!!

เด็กๆรอนานแค่ไหนก็สบาย

จะสปามือก็มี ข้างๆเป็นเก้าอี้นวด 

พนักงานพาไปที่โต๊ะแล้วเอาไอแพดมาให้สั่ง มีน้ำซุปให้เลือกสั่งหลายชนิดเลย เราเลือกแบบ 2 ซุป เผ็ด 1 ไม่เผ็ด 1 ซึ่งเราท่องศัพท์ไปเลย ถ้าจะถามว่าเผ็ดมั้ย ให้ถามว่า “ล่ามา?” (ล่า แปลว่าเผ็ด มาคือคำถาม)

หลังจากนั้น น้องเค้าก้อคิดว่าเราพูดจีนได้ ซึ่งเราพูดได้เป็นคำ ๆ อ่านได้แบบบางคำ ๆ สั่งแบบดูรูปกันอยู่นาน ฮีก็หยิบใบสั่งที่มีภาษาอังกฤษมาให้ (เอิ่ม ทำไมไม่เอามาให้แต่แรก) ด้วยความหิว เจ้ติ๊กแหลกกกกกก ระหว่างที่แม่ ๆ สั่งอาหารอยู่นั่น พนักงานก็เอาตุ๊กตาเด็กผู้หญิงใส่ชุดสีฟ้า (มโนว่าเป็นเอลซ่า) มาให้ 3 ตัว (เริ่มละ) สาวน้อยทั้ง 3 คนเริ่มอยู่ในความสงบ เล่นตุ๊กตากันมุ้งมิ้ง สั่งอาหารกันเสร็จไม่นาน น้ำซุปก็มาเสริฟ พร้อมกับผ้ากันเปื้อน อันนี้ดูธรรมดาใช่มะ พนักงานเสริฟหยิบยางผูกผมขึ้นมาให้ด้วยจ้า แม่ ๆ ผมยาว ผูกผมขึ้นก่อนนะ

พนักงานสังเกตเห็นอีก ว่านักท่องเที่ยวชาวไทย ติดโทรศัพท์มือถือ ถ่ายรูปกันหนักมาก เลยแจกถุงซิปล็อคมาคนละใบ เอาไว้ใส่โทรศัทพ์ น้ำซุปจะได้ไม่กระเด็น โอย…กราบใจเลย นอกจากนี้ หากว่าเราสั่งเส้นหมี่ เค้าก็จะมาโชว์การทำหมี่ให้ดูที่โต๊ะกันเลย ในส่วนของน้ำจิ้มนี่คือทีเด็ด คือมีเครื่องปรุงให้เราปรุงน้ำจิ้มเยอะมาก ซึ่งเรามั่นใจว่า น้ำจิ้มที่ปรุงแต่ละครั้ง ไม่มีทางเหมือนเดิมแน่นอน ผลไม้ก็วางอยู่แถว ๆ น้ำจิ้มเหมือนกัน เมล่อนอร่อยมาก สมมาตรฐานผักผลไม้เมืองจีน

พนักงานยกมาเสิร์ฟทีเต็มโต๊ะกันเลย

ซุปอร่อยมาก โดยเฉพาะซุปหมาล่า เข้าใจเลยว่าปากชาลิ้นชา เป็นยังไง  ค่าใช้จ่ายมื้อนี้อยู่ที่ 520 หยวน ก็ถือว่าโอเคถ้าเทียบกับคุณภาพและบริการ

กินเสร็จก็เดินทางกลับที่พักกันอย่างอิ่มหนำ ขากลับไม่หลงนะ เพราะเราเดินวนกันจนหลับตาหา metro กันได้สบาย ๆ สรุปว่า 2 วันในเซี่ยงไฮ้ มันแอบไม่พออ่ะ ไม่ได้ไปถ่ายรูปชิค ๆ ในย่านฮิป ๆ เลย
ถ้ามีซัก 3 วันน่าจะกำลังดี

คืนนี้ต้องจัดกระเป๋า เตรียมเดินทางไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ และเปลี่ยนโรงแรมไปนอนที่ดิสนี่ย์ในคืนพรุ่งนี้ สามารถตามรีวิวต่อได้ที่

Shanghai กระเตงลูกเที่ยวเซี่ยงไฮ้ เที่ยวเองง่ายๆ สบายกว่าที่คิด Day1

Shanghai Disneyland ไปเหอะแล้วจะชอบ

Toy Story Hotel ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ทุกๆท่านที่ติดตามรีวิวของครอบครัว​เรา​นะคะ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ รบกวนฝากไลค์ Facebook Fanpage BLJourney เพจน้องเบลล่า และ Share บทความต่างๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ ครอบครัวของเราด้วยนะคะ รีวิวหน้าจะไปที่ไหนกันอย่าลืมมาติดตามชมกันนะ ขอบคุณค่ะ

ขอฝากช่องทางใหม่ ติดต่อ สอบถาม ทริปการเดินทาง ข้อสงสัยต่างๆอย่างรวดเร็ว ทาง Line Official ID ได้เลยค่ะ

เพิ่มเพื่อน

 

Comments

comments

1 thought on “Shanghai Day 2 เที่ยวไปกินไปวันสุดท้ายในตัวเมือง เซี่ยงไฮ้”

  1. Pingback: Shanghai กระเตงลูกเที่ยวเซี่ยงไฮ้ เที่ยวเองง่ายๆ สบายกว่าที่คิด - BLJourney

Leave a Reply