รีวิวตอนที่ 4 เราจะพาไปคุมะโมโตะกันครับ หลายๆคนอาจจะนึกไม่ออกว่ามีอะไรเที่ยว ถ้าคุณชอบและเคยดู The Last Samurai ปราสาทที่อยู่ในเรื่องคือ ปราสาทคุมะโมโตะ ที่เราจะไปเที่ยวชมกันนี่ล่ะครับสำหรับรีวิวทริปคิวชูที่ผ่านมานะครับ
รีวิวตอนแรก การเตรียมตัว และ สิ่งที่ควรรู้ก่อนเที่ยวฟุกุโอกะ
รีวิวตอนที่สอง เบปปุ เมืองหลวงแห่งออนเซ็น
รีวิวตอนสาม ยุฟุอิน แล้วคุณจะหลงรัก
ตอนแรกเราค่อนข้างลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ แต่ด้วยความชอบในหนัง The Last Samurai เป็นการส่วนตัว ผมจึงขอไปดูความยิ่งใหญ่ของปราสาท คุมะโมโตะ ครับ
วันที่ 4 ของการเดินทางนี้ เป็นวันสุดท้ายของการใช้ Northern JR Pass จากวันแรกที่ใช้วันไป Beppu เบปปุ ต่อด้วย Yufuin ยุฟุอิน วันนี้เราจะไป Kumamoto คุมะโมโตะ กัน
จาก Hakata ไป Kumamoto ใช้เวลา ประมาณ 40 นาที Kumamoto มีอะไรทำไมถึงควรไป จากที่บอกว่าความชอบส่วนตัวมาจากภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai ทั้งปราสาทและฉากต่างๆหลายๆฉากมีการถ่ายทำที่นี่ เราจึงถือโอกาสไปชมความยิ่งใหญ่กันครับ การเดินทางไปสะดวกมากครับ จาก Hakata นั่ง Shinkansen Sakuraไปถึงเลยครับ มีให้บริการทุกๆครึ่งชั่วโมงด้วย สะดวกมาก
นอกจาก ปราสาท Kumamoto แล้ว ที่ท่องเที่ยวหลักๆของเมืองนี้ก็มี สวนซุยเซนจิ (Suizenji Jojuen) เป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในจังหวัดคุมะโมโตะ ถูกสร้างขึ้นประมาณ ศตวรรษที่ 17 โดยตระกูล โฮโซกาว่า(Hozokawa) ขอบคุณรูปจาก http://www.talonjapan.com/ ครับ
ภายในมีทางเดินเป็นวงกลมรอบสวน ที่เป็นแบบจำลองของถนนโทไคโดะ(Tokaido) ถนนสายที่มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยเอโดะ(Edo) โดยมีแบบย่อส่วนของหลายๆสิ่งที่มีเชื่อเสียงของญี่ปุ่น เช่นภูเขาไฟฟูจิ ครับ
นอกจากนี้ ยังมี บ้านขุนนางเก่า ตระกูลเกียวบุ Gyobu ได้รับการบูรณะ ซ่อมแซม พร้อม อนุรักษ์ ให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของ คุมะโมโตะ ขอบคุณรูปจาก http://www.japan-guide.com/
ภูเขาไฟอาโสะ เป็นภูเขาไฟที่ระอุ อยู่ใจกลางอุทยานแห่งชาติ Aso Kuju ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นแล้วเดินไปชมได้ถึงปากปล่องที่กว้างที่สุดในโลก บริเวณใกล้เคียงเป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติมากกว่า 100 บ่อ อยู่ขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมีบ่อที่ใหญ่ที่สุดชื่อบ่อน้ำแร่ Uchinomaki Onsen สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟอาโสะได้ และ ขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ มีบ่อน้ำแร่ Kurokawa Onsen มีทั้งบ่อกลางแจ้งท่ามกลางขุนเขา และบ่อในถ้ำด้วย ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.marumura.com/ และรูปจาก http://commons.wikimedia.org/
ศาลเจ้าคุมะโมโตะอินาริ( Kumamoto Inari Shrine) เป็นศาลเจ้าของนิกายชินโต สร้างขึ้นในปี 1496 เพื่อปกป้องปราสาทคุมะโมโตะ (Kumamoto Castle) จากสิ่งชั่วร้าย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของปราสาท แม้ว่าจะเป็นศาลเจ้าขนาดเล็ก แต่ก็มีผู้คนเข้ามากราบไหว้สักการะขอพรกันอย่างคึกคัก ภายในศาลเจ้ามีโทริอิเรียงขึ้นไปตามแนวบันได เพื่อไปยังจุดสักการะอีกจุดหนึ่ง ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.talonjapan.com/ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีงานเทศกาลใหญ่ Hatsu Uma Taisai เพื่อให้ผู้คนมาขอพรในเรื่องเก็บเกี่ยวพืชผล รวมถึงขอให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ตามตำนานพื้นบ้านเชื่อว่ารูปปั้นสุนัขจี้งจอกที่ตั้งอยู่ตามศาลเจ้า เป็นสัตว์นำสาส์น ของเทพเจ้า
ปราสาทคุมะโมโตะ (Kumamoto Castle) 熊本城 เป็นหนึ่งในปราสาทที่น่าประทับใจที่สุดของญี่ปุ่น เนื่องด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ และความหลากหลาย ครบถ้วนของอาคารในพื้นที่ของปราสาท ปราสาทคุมะโมโตะเป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับที่สามของญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่อาคารที่เป็นอาคารเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยที่เริ่มสร้างปราสาท (ประมาณปี ค.ศ. 1607) แต่อาคารใหม่ๆที่สร้างขึ้นล้วนสร้างขึ้นแบบพิถีพิถัน เน้นรักษารายละเอียดให้เหมือนเดิมที่สุด และบริเวณโดยรอบปราสาทยังมีต้นซากุระอยู่ประมาณ 800 ต้นทำให้ปราสาทคุมะโมโตะ เป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งด้วย
นอกจากความสวยงาม ปราสาทคุมะโมโตะ (Kumamoto Castle) 熊本城 ยังถือเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดและมีจุดยุทธศาสตร์ที่ล้ำเลิศสามารถปกป้องจากข้าศึกรุกรานได้เป็นอย่างดี
Entrance fee
ผู้ใหญ่ 500 เยน,เด็ก (นักเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้น) 200 เยน
Business hours
มีนาคม ถึง พฤศจิกายน 8:30-18:00 (เปิดให้เข้าครั้งสุดท้ายเวลา 17:30)
ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ 8:30-17:00 (เปิดให้เข้าครั้งสุดท้ายเวลา 16:30)
ปิดให้บริการวันที่ 29-31 ธันวาคม
Homepage http://www.manyou-kumamoto.jp/castle/
ได้เวลาออกเดินทางกันครับ จาก Hakata ก็ใช้บัตรเบ่งเดินเข้าห้องซ้ายมือเลยครับ ไม่ต้องมาผ่านเกท
ดู ชานชลาด้วยนะครับ ว่าไปชานชลาไหน
ขึ้นมาด้านบนรอก่อนเลยครับ ขึ้นแต่รถไฟธรรมดามาทุกวัน พอมาขึ้นชินคันเซน สารภาพเลยว่าเดินไปผิดที่ครับ สถานี Hakata ใหญ่เหมือนกัน
ขอตุนเสบียงก่อนครับ
จะมีป้ายบอกบนพื้นนะครับ ว่า ต้องรอตรงไหน ตู้อะไร
มาแล้ว ตรงเวลามากๆ
ชินคันเซน แปลว่า ทางรถไฟสายใหม่ เป็นชื่อใช้เรียกระบบรางรถไฟ แต่ตัวรถไฟมีชื่อเป็นทางการว่า รถไฟความเร็วสูง หรือ ซูเปอร์เอ็กเพรส เรียกว่า โชถกคิว
ตลอดสี่สิบกว่าปีที่เปิดให้บริการมา รถไฟความเร็วสูงเหล่านี้ก็ไม่เคยเข้าชานชลาสายเกิน 1 นาที เว้นแต่เกิดจากภัยธรรมชาติ
หรูหรา นั่งสบายมากๆ ครับ ที่นั่งแบบ reserved seat
ทางเดินระหว่างตู้ จะเล็กหน่อยครับ
ตรงตู้นี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นแบบ ไม่ reserved seat หรือเปล่า ที่นั่งจะเล็กกว่าตู้ที่ผมนั่ง
และเช่นเคย ไม่ลืมที่จะเก็บภาพเป็นที่ระลึกครับ
วิวข้างทางครับ จะเป็นมุมสูงนิดนึง เพราะ เนื่องจากชินคันเซน เป็นระบบรถไฟความเร็วสูงต้องใช้ความเร็วสูงมากๆ จึงจะต้องทำรางให้ตรงมากที่สุด ยกระดับจากพื้นถนน เพื่อไม่ให้มีจุดตัดกับถนน
มาถึงเรียบร้อยก็เก็บภาพ กับ Kuro คุโระจัง เจ้าหมาน้อยสัญลักษณ์ของ Aso Boy รถไฟสายดังจาก Kumamoto ไป Mount Aso (รถไฟขบวนนี้จะไม่ได้วิ่งทุกวัน จะให้บริการเฉพาะช่วงวันหยุด หรือ เสาร์อาทิตย์ เท่านั้นครับ ต้องเช็คตารางการเดินรถก่อนนะครับ ตอนเราไปตรงกับวันเสาร์ แต่ วันนั้นหยุดให้บริการพอดี เศร้ามาก)
สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงก็ตรงไปที่ Information Center ซื้อตั๋ว Waku Waku 1 Day Pass ราคา 500 เยน สามารถเที่ยวได้ทั้งวันทั้งเมืองด้วยรถโดยสารทุกชนิด ได้บัตรมาพร้อมกับแผนที่เส้นทางเดินรถ หรือถ้าจะใช้นั่งรถบัส ก็ซื้อ Loop Bus One day Pass ราคา 300 เยน ได้ครับ
ไกด์ของเราวันนี้ครับ
สถานีรถรางอยู่ด้านล่างนะครับ ลงบันไดเลื่อนไปเลย
สถานที่เที่ยวที่เราจะไปวันนี้คือ Kumamoto Castle 熊本城
วิธีการเดินทางไปปราสาท ตั้งต้นสถานี Kumamoto ป้ายแรกให้เริ่มขึ้นที่ด้านหน้าสถานีที่ป้าย Kumomoto Station ให้ลงที่ป้าย 10 Kumamoto Castle ถึงหน้า ปราสาท เลยครับ ถ้าไม่ได้ซื้อบัตร 1 day ก็จ่ายเที่ยวละ 150 เยน ครับ
คนเยอะมากๆครับ
เครื่องแลกเหรียญสำหรับค่าโดยสารครับ แต่เราใช้บัตร 1 day pass เลยไม่ต้องวุ่นวายตรงนี้ครับ
ระหว่างทางเจอ ขบวนแห่ม้า ตลอดทางเลยครับ โชคดีว่าช่วงที่มา มีงานเทศกาลพอดี หลังจากการค้นหาข้อมูลจึงทราบว่าเป็น Druken Horses Festival โปรแกรมเที่ยวของเราจึงจบลงแค่ปราสาท คุมะโมโตะ ที่เดียวครับ มารอดูขบวนแห่ม้ากันแทนตอนบ่าย
ก่อนจะเข้าไปที่ตัวปราสาทกัน แวะมาที่ อนุสาวรีย์ของท่าน คาโตะ คิโยมาสะ อดีตแม่ทัพผู้โด่งดัง ซึ่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นไดเมียวปกครองเมืองคุมะโมโตะ ครับ
ทางเข้าปราสาท คุมะโมโตะ มีหลายทางนะครับ ตรงที่วงไว้ด้านล่างจะเป็นทางที่ไว้ให้ข้าศึกบุก อยากรู้ว่าจะหฤโหดขนาดไหน ทำไมปราสาทนี้ถึงถูกยกให้เป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งมากๆ
ประตูนี้ชื่อว่า Hazekata ถ้านึกภาพหนังสงครามญี่ปุ่นยุคซามูไร พลทหารวิ่งเข้าไป รับธนูที่จะคอยระดมยิงมาจากทั่วทุกทาง กว่าจะไปถึงตัวปราสาทก็เหนื่อยล่ะครับ แนวหน้าตายเรียบ ขอบคุณรูปจากคุณ NumAromdee (ข้อมูลมากมายมาจากคุณ NumAromdee เลยครับ ขอบคุณมากๆ )
ยอมแพ้ครับ ลูกยังเล็ก ขอไปเข้าอีกทางครับ ประตู Hohoate จะอยู่ใกล้ตัวปราสาทที่สุดครับ (ในแผนที่ด้านบนจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมสีแดงครับ)
เดินเลาะตามทางไปเรื่อยๆครับ เหงื่อซึมเหมือนกัน
ถึงแล้วครับ ลุยๆๆๆ
Kumamoto Castle 熊本城 สร้างขึ้นราวครั้งแรกในปี 1467 แต่ได้มีการต่อเติมในปี 1601 ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น ออกแบบโดยท่าน Kato Kiyomasa ผู้ที่ชำนาญในการรบเป็นอย่างดี โดยได้ออกแบบชั้นเชิงของอาคารที่ใช้ล่อลวงหรือป้องกันข้าศึกได้อย่างไม่เหมือนปราสาทที่ไหน ใช้เวลาถึง 7 ปี ในการก่อสร้าง ตัวปราสาทมีอาคาร 2 หลังที่มี 6 ชั้นและ 4 ชั้นตามลำดับ แต่ต่อมาในปี 1857 เกิดเหตุการ์ณกบฏ Satsuma ปราสาทได้ถูกล้อมไว้ถึง 53 วัน และสุดท้ายก็ถูกเผาทำลายลงในที่สุด และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1960 และได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น
ในบริเวณปราสาท จุดที่น่าสนใจ จะเป็นอุโมงค์ชั้นใต้ดิน Kuragari Tsuro ที่ในอดีตเอาความมืดภายในอุโมงค์ไว้ใช้ล่อลวงข้าศึก เป็นจุดเด่นทางยุทธศาสตร์ของ ปราสาทแห่งนี้
บริเวณลานด้านหน้าปราสาท เจอกลุ่มวัยรุ่นที่แต่งตัวมาร่วมขบวนแห่ กำลังสนุกกันเลย ขอร่วมด้วยคนนะครับ
เด็กน้อยสองคนดู งงๆ นะฮะ ^^
ไปชมในตัวปราสาทกันครับ
ภายในมีป้ายชื่อทหารกล้าผู้ปกป้องปราสาท
โมเดลจำลอง เมือง คุมาโมโตะ ยิ่งใหญ่มากๆ
มาถึงชั้นบนสุดแล้วครับ เป็นจุดชมวิวของเมืองที่ดีที่สุด เพราะตัวปราสาทเองก็ตั้งอยู่บนเขาอยู่แล้ว ทำไมมองเห็นเมืองได้ในระยะไกล วิวสวยมากๆ แต่กว่าจะถึงก็เล่นเอาขาสั่นเลยครับ
บริเวณด้านหน้าปราสาท จะมีซามูไร ไว้ให้เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันได้ครับ เบลล่าขอแปลงร่างเป็น เบลล่าจัง ก่อนนะครับ
อาคารถัดมาด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดง ความเป็นมาของปราสาทไว้อย่างละเอียด และ Honmaru Goten Palace ที่ตกแต่งห้องด้วยภาพวาดวิจิตร และ ประดับด้วยทองคำอร่ามทั้งห้อง สง่างามมาก สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 400 ปี และเพิ่งเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมานี้เองครับ
ฉากนี้คุ้นๆมั้ยครับ ^^
ขากลับออกมา จากปราสาท เจอ ม้า ที่จะมาร่วมขบวนแห่ครับ ขอเข้าไปดูใกล้ๆ เคยเห็นม้าแบบนี้แต่ในหนังสือการ์ตูนครับ ^^
สำหรับเรื่องร้านอาหาร ร้านขึ้นชื่อของที่นี่ก็จะมี เนื้อม้าครับ มีราเมงเนื้อม้า (ร้าน Higo Moshiya Yumeakari ร้านนี้จะอยู่ที่ Sakura No Baba Johsaien เป็นคล้ายๆแหล่งรวมของกินของฝาก อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทางที่เราเดินไปเข้าปราสาทคุมาโมโตะเลยครับ ) และร้านทงคัตสึเจ้าอร่อยครับ ร้าน 勝烈亭 หรือ Katsuretsu Tei ร้านนี้ได้ 4 ดาว จาก tabelog.com เลยครับ
ผมอยากลองเนื้อม้าแต่สมาชิกไม่ร่วมด้วย เลยไปที่ร้านทงคัตสึ Katsuretsu Tei แทนครับ เดินหากันพักใหญ่เลยครับ ร้านอยู่ถนนคนเดิน ที่สถานีรถรางสถานีที่ 8 Karachimacho ครับ ถนนคนเดิน Sun Road Shinshigai รูปจาก http://www.panoramio.com/photo/137645 ครับ
เดินเข้าไปนิดเดียว ผ่าน 7-11 เจอซอยแรกขวามือเลี้ยวเข้าไปเลยครับ ประมาณไม่ถึง 50 เมตร อยู่ซ้ายมือ
ภายในร้านนะครับ มีชั้นสองด้วยนะครับ แต่ก็เต็มเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบมาคนเดียว นั่งตรงกลางก็จะได้เลยครับ
ลงชื่อจองคิวก่อนครับ
ขออนุญาตนำรูปมาจากคุณ touch the sky ใน pantip นะครับ
ผมสั่ง เซต Deep Fried Assorted Platter ครับ มีสันนอก กับ สันในมาอย่างละชิ้น ซุปมิโซะร้านนี้เป็นสีแดงนะครับ กลมกล่อมมากๆ
เติมพลังกันเรียบร้อยอิ่มอร่อยมากๆครับ เด็ดจริงๆ
ออกมาบริเวณ Sun Road ถนนคนเดินอีกที ก็มีคนมารอชมขบวนพาเหรดกันเยอะมากๆครับ หลังจากสอบถามว่าจะมากี่โมง ไม่มีใครรู้ครับ บอกให้รอๆไปก่อน เดี๋ยวคงมา
ระหว่างนั้นเราก็เลยถือโอกาส สำรวจถนนสายช๊อปปิ้งสายนี้กันก่อนครับ จริงๆถนนสายช้อปปิ้งจะมี 3 เส้นอยู่ใกล้ๆกันครับ Sun Road Shinshigai, Shimotori (ยาวสุด) และ Kamitori แต่ทั้งสามเส้นก็จะต่อๆกันครับ มีหลังคาคลุมยาวๆเลย โดย Sun Road Shinshigai กับ Shimotori จะอยู่ต่อกันเลยครับ เป็นลักษณะตัว L
นอกจากร้านขายยาก็เป็นร้านรองเท้า ABC Mart นี่ล่ะครับที่เราใช้เวลากันนานเลย
มาเจอ เจ้าของ SushiZanmai เลยขอทำท่าประจำตัวของร้านนี้หน่อยครับ
เสียงกลอง เสียงเพลงดังกระหึ่มมา ผมรีบวิ่งกลับมาทันขบวนแห่พอดีครับ
Drunken Horse Festival จะจัดขึ้นในช่วงเดือน กันยายน ของแต่ละปีครับ มีการจัดขบวนแห่ 5 วันครับ โดยจะเริ่มขบวนตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลยครับ ที่ Fujisaki Hachimangu Shrine จึงมีการเรียกเทศกาลนี้ว่า Fujisaki Hachimangu Shrine Festival ครับ โดยจะมีการนำม้าสายพันธุ์ดี ลักษณะดี มาตกแต่ง ประดับเครื่องทรงต่างๆ และให้กินเหล้า แล้วนำมาแห่รอบเมือง โดยเชื่อกันว่าเป็นการสดุดีเหล่าผู้กล้า นักรบ ที่กลับมาจากการทำสงครามกับเกาหลีตั้งแต่ศตวรรษที่ 16
รูปนี้เหมือนตอนทหารตัดหัวข้าศึกแล้วเสียบ เดินฉลองชัยกลับมาเลยครับ
การเดินทางกลับก็ง่ายๆครับ นำ JR Pass มาออกตั๋วได้เลยครับ Shinkansen วิ่งแทบจะทุกๆ 15 นาทีเลยครับ ถ้านั่ง Sakura ก็ใช้เวลา 38 นาที ถ้านั่ง Tsubame ก็ 49 นาทีครับ
กลับจากคุมะโมโตะ วันนี้มื้อเย็นก็ไปทำข้อสอบกันครับที่ อิชิรันราเมง ร้านราเมงเจ้าดังของญี่ปุ่น มีสาขาทั่วประเทศเลย
จากข้อมูลที่หามาตอนแรกเจอสาขาที่นี่ เข้าใจว่าคงเป็นสาขาไม่กี่สาขาของ Hakata เลยมากินที่นี่ (แต่หลังจากนั้น เจอตลอดเลยครับ สาขาอื่นหาง่ายกว่านี้ด้วย) สาขานี้อยู่ตรง Hakata Station เลยครับ แต่อยู่ในอาคาร Fukuoka bank ชั้น B2F เวลาให้บริการ 10.00-22.00
ตอนแรกคิดว่ามาแล้วคงเจอเลยง่ายๆแต่ มาถึงแล้วมองไปมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าตึกไหนคือตึกที่จะต้องไป เลยเดินสุ่มๆไปจนเจอครับ
อิชิรัน หรือร้านราเมงข้อสอบ ที่คนไทยรู้จักกันดี (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด สาขาที่ทำให้คนไทยรู้จักคือ สาขา Ueno ที่ Tokyo ครับ ช่วงหลายปีก่อนใครไปโตเกียวก็ต้องไปกินกัน จะมี อิชิรัน กับ จังการะ ราเมง ที่คนไทยนิยมมากๆ )
วิธีสั่งก็หยอดตู้เลยครับ จะเพิ่มเส้น เพิ่มหมู เพิ่มหอมซอย เพิ่มอะไรตามใจเลยครับ
ได้ใบเล็กๆมายื่นให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับทำข้อสอบ โพยตามนี้ครับ
วิธีสั่งครับ ติ๊กๆ เสร็จแล้วกดปุ่มเรียกพนักงานครับ
ผมชอบการตกแต่งร้านนะครับ ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามาก ด้านหลังเป็นที่แขวนเสื้อ กับ ใส่กระดาษทิชชู่
ซดราเมงร้อนๆ หันกลับไปหยิบทิชชู่ มาได้เลย เก๋มากๆ
ชามนี้ธรรมดา ครับ เลือกกลางๆ ทุกอย่าง
ชามนี้เพิ่มต้นหอมครับ
ชามนี้ขอเพิ่ม Secret Sauce ซอสลับของทางร้านครับ ถ้าใครชอบรสเข้มๆจัดๆ หน่อยผมว่าสั่งแบบเยอะๆเลยครับ
ของหวานครับ พุดดิ้งเต้าหู้ มีเสิร์ฟมาสองถ้วยครับ มีวิธีการกินมาให้ด้วย เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติของราเมง
อร่อยเลยครับร้านนี้ ยิ่งเพิ่มซอสสูตรพิเศษของทางร้านเยอะๆ ยิ่งอร่อย
ก่อนกลับแวะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของอิชิรันกลับมาด้วยครับ ติดใจรสชาติเลย 1 ซอง 290 เยน แพค 5 ซอง 1290 เยนครับ ซอสก็มีขายแยกนะครับ แต่ผมกลัวเอากลับมาลำบาก
อิ่มอร่อยกันไปกับราเมงร้อนๆ หลังจากสนุกสนานมาทั้งวันก็ได้เวลาพักผ่อนครับ พรุ่งนี้จะเป็นวันเก็บตกใน Hakata กันแล้ว คิดๆแล้วก็ใจหาย แปปๆก็จะต้องกลับแล้ว เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วจริงๆ เบลล่าไม่อยากจากพี่คุมามองเลย
สุดท้ายผมก็ขอฝากรีวิวของครอบครัวB&L ของเราไว้ด้วยนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยครับ ตอนต่อไปเราจะไป ดาไซฟุ และ อันปังมิวเซียมกันครับ
ปล.หากท่านอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามาติดตามรีวิวของผม ผมหวังว่าข้อมูลต่างๆนี้จะเป็นข้อมูลและมีประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทางไปนะครับ สุดท้ายนี้ หากท่านชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Shareที่ Fanpage ของผม https://www.facebook.com/BLJourney เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยแก่ผมด้วยครับ ขอบคุณมากๆครับ