ทริป Mt Fuji Kawaguchiko ตอนที่สอง เราจะพาไปเที่ยว Music Forest Museum กันครับ ตามไปดูกันนะครับว่า Music Forest Museum คืออะไร อยู่ตรงไหน มีอะไรให้เราได้ชมกัน
Music Forest Museum อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน Kawaguchiko หลังจากดึ่มด่ำกับความงามของ Mt Fuji อย่างเต็มที่แล้ว เราก็จะไปอิ่มเอมกับเสียงเพลงเพราะๆกันต่อครับ
แต่ก่อนที่เราจะไป Music Forest Museum กัน มีอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวที่มา Kawaguchiko ไม่น่าพลาดกัน นั่นคือการถ่ายรูป Mt Fuji สวยๆในยามเช้าครับ
สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านตามไปอ่านได้เลยครับ
รีวิว Mt Fuji ตอนแรก เที่ยว Mt Fuji Kawaguchiko แบบละเอียด
รีวิว กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น การเตรียมตัว การหาข้อมูลต่างๆ
รีวิว Yokohama Hakkeijima Sea Paradise
รีวิว Tokyo Disneyland
ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ฟินกับ อาหารเย็นอร่อยๆ วิวสวยๆ ออนเซนสบายๆไปแล้ว เช้าวันต่อมา วันที่ 4 ของการตะลุยที่ญี่ปุ่น ณ เวลา 6 โมงเช้า ผมตื่นขึ้นมาทักทายฟูจิซัง และก็ได้เจอกับภาพนี้ ภาพที่เจอตอนหาข้อมูลมา Kawaguchiko แต่รายละเอียดไม่ชัดเจนว่าต้องถ่ายที่ไหน ฟูจิซังสะท้อนน้ำ มาอยู่ตรงหน้านี่เอง เห็นวิวแบบนี้จากหน้าต่างห้อง รีบคว้ากล้องลงไปเลยครับ
ภาพสะท้อนภูเขาไฟฟูจิที่เห็น ชาวญี่ปุ่นมักจะเรียกภาพนั้นว่า Sakasa Fuji ซึ่งหมายความว่า ภาพสะท้อนของภูเขาไฟฟูจิครับ
ภาพวิวนี้อยู่ถึงแค่ 7 โมงนะครับ หลังจากนั้น ก็จะไม่สะท้อนชัดขนาดนี้
รีบไปปลุกหม่าม้ากับหนูเบลล่ามาถ่ายรูปยามเช้ากัน สุขสุดๆครับ
มื้อเช้าวันนี้ 8 โมงครับ ลงมาที่ชั้นล่างเหมือนเดิม (ควรจองเวลาไว้นะครับ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก)
เนื่องจากต้องเช็คเอาท์ก่อน 10 โมง และจะมีรถไปส่งที่สถานี Kawaguchiko รอบเดียวตอน 10.10 ถ้าจะฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วเที่ยวแถวๆนี้ก่อนก็ได้ครับ แต่ต้องกลับไปสถานีเอง เราจึงนั่งรถของโรงแรมกลับไปสถานี ไปฝากกระเป๋าในล็อคเกอร์แล้วนั่ง Retro Busไปเที่ยวต่อคนแน่นทีเดียวเลยครับ ยิ่งป้ายแรกที่ออกจากสถานีด้วยยิ่งแน่นมากๆ ตามตารางที่เรากำหนดไว้คร่าวๆ กะว่าจะไป Music forest ป้ายที่ 16 ก่อนแล้วก็เลยไป Oishi Park ป้ายที่ 20-21 ยืนรอสักพักรถก็มาแล้วครับ เลทไปนิดนึง พอไปถึงป้ายที่ 16 ก็เลทจากตารางไป 20 นาทีได้
Music Forest Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวม Music Box ต่างๆมากมาย ตั้งแต่ในอดีตจนถึง Music Box รูปร่างแปลกๆ ผสมผสานแนวคิดใหม่ๆ เก๋ไก๋มากๆเลยครับ
Music Forest ดินแดนแห่งความสุนทรีย์ ของผู้ชื่นชอบเสียงเพลง รายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ http://www.japan-guide.com/e/e6913.html เวลาเปิดปิด 9:00 ถึง 17:30 (เข้าได้ถึง17.00)
บัตรผ่านประตูราคา 1,300 เยนต่อคน แต่ทาง Sunnide ออกคูปองลด200เยนมาให้ (คาดว่าน่าจะมีส่วนลดหลายโรงแรมนะครับ)
บรรยากาศภายในจะเป็นอาคารสไตล์ยุโรปกับสวนสไตล์ยุโรปเช่นกัน โดยจะสามารถมองเห็นฟูจิซังได้จากภายใน Music Forest นี้เช่นกันและมีเครื่องดนตรีในรูปร่างแปลกๆรวมถึงหีบเพลงเก๋ๆให้ลองเล่นกัน
อันนี้ไม่แน่ใจว่าเรียกว่าอะไรครับ ลองsearch ดูเรียกว่า Orchestral Bells ภาษาไทยคือระฆังราว เบลล่าชอบมากๆๆๆๆๆๆ
ผลไม้ก็เป็นMusic Box เหมือนกันครับ
เครื่องนี้ตีที่ปลายท่อก็จะเป็นเสียงดนตรีโน้ตต่างๆครับ
แผนที่ภายในนะครับ อาคารส่วนจัดแสดงจะมี2อาคารด้านซ้ายครับ หมายเลข 1, 2 และ 4 อาคารขวาเป็นร้านอาหาร ด้านหลัง 2 อาคารเป็นร้านขายของที่ระลึกครับ หมายเลข 3 คือลานชมน้ำพุเต้นรำ
การแสดงโชว์ในแต่ละจุดจะมีเป็นรอบๆครับ
อาคารแสดงโชว์ส่วนแรก หมายเลข 1,2 จะเป็นจำลองมาจากเรือไททานิค และ โชว์ Music Box แปลกๆ และ Music Box สมัยโบราณ จะอยู่ในอาคารเดียวกันครับ
ส่วนหมายเลข 3 ลานแสดงโชว์น้ำพุเต้นรำอยู่ด้านนอกอาคารครับ
อาคารหมายเลข 4 จะเป็นโชว์ Music Box อัตโนมัติที่ใหญ่ที่สุดของโลก ถือเป็น 1 ไฮไลท์ของ Music Forest เลยครับ ตัว Music Box สูง 5 เมตร ยาว 13 เมตร ตุ๊กตาทุกตัวจะขยับเล่นเครื่องดนตรีตามจังหวะเพลงครับ แสดงรอบละ 10 นาที
ส่วนจำหน่ายของที่ระลึกก็จะมี Music Box หลากหลายรูปแบบมากๆ ทั้งแบบสวยๆ คลาสสิค และแนวน่ารักๆแบบผลไม้ สัตว์ต่างๆ
จุดชมวิวด้านหลัง Music Forest ครับ
เสร็จสิ้นจาก Music forest ก็เกือบสองโมงแล้วครับ ใช้เวลานานเหมือนกัน ถ้าครอบครัวที่มีเด็กๆ ผมว่า น่าจะชอบ Music Forest Museum นี่ครับ เด็กๆจะได้เพลิดเพลินกับเสียงดนตรี เครื่องดนตรีต่างๆมากมายเลยครับ แพลนเราจากที่กะว่าจะไป Oishi Park เกรงว่าจะไม่ทันรถบัสขากลับตอน 16.10 เราจึงตัดสินใจไปชม Kawaguchiko Art of Museum ที่ป้ายที่ 15 แทนครับ เดินย้อนขึ้นมานิดนึง
บริเวณด้านนอกยังพอมีหิมะให้เบลล่าได้เล่น ได้จับอยู่บ้าง หลังจากเมื่อวานยังไม่กล้าเล่น วันนี้ทั้งจับ ทั้งโยน แถมจะชิมอีกต่างหาก ^^
ภายในห้ามถ่ายรูปนะครับ เป็นรูปถ่าย รูปวาดต่างๆเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิ มีรูปมุมสวยต่างๆพอสมควรเลยครับ ค่าบัตรเข้าชม 1,000 เยน
เดินเสพงานศิลป์เสร็จก็มารอรถ Retro Bus เพื่อจะกลับไปสถานี Kawaguchiko ตามตารางรถจะมาประมาณ 14.37 ใช้เวลา 17 นาที กลับไปถึงสถานีตอน 14.54 แต่แล้วโดยไม่คาดคิด ถึงเวลาแล้วรถก็ยังไม่มา รอกันไปด้วยใจระทึก 5 นาทีก็แล้ว 10 นาทีก็แล้ว 20 นาทีแล้วรถยังไม่มา หนูอยากกลับแล้ววววว รถแท็กซี่ก็วนเวียนมาโฉบถามเป็นระยะๆ เบลล่าก็ยังเริงร่า เล่นสนุกอยู่ เผลอแวบเดียวก็อยู่ในสภาพนี้ครับ ><
ในที่สุด 15.10 Retro Busสีน้ำตาลก็โผล่มาให้เห็น เย้ ได้กลับแล้ว
ในที่สุดก็มาถึงสถานีตอนประมาณ 15.40 รถค่อนข้างติดครับ เป็นช่วงเด็กเลิกเรียนพอดี
มานั่งพักหายใจ ระหว่างรอรถบัสกลับสู่โตเกียว ก็มาเก็บภาพกับรถไฟหน้าสถานีกันสักเล็กน้อย ก่อนจะอำลาฟูจิซังอย่างเป็นทางการ
เผื่อใครมีเวลาจะช๊อปปิ้ง ร้านขายของในสถานีกับฝั่งตรงข้ามก็มีครับ ขนม ของฝาก ของที่ระลึกต่างๆ ราคาพอๆกันครับ
มีของที่ระลึกอีกอย่างเพื่อใครสนใจนะครับ มีขายที่ร้าน Lawson ใน Kawaguchiko บะหมีถ้วยลายฟูจิซังครับ ต้องคว่ำถ้วยนะครับจะเป็นลายฟูิจซัง ถ้วยใหญ่กว่าปกติราคาประมาณ 300 เยนครับ อร่อย เครื่องเยอะมากๆ
16.10 เป๊ะๆ รถก็มาถึงครับได้เวลากลับโตเกียวแล้ว
ขากลับรถติดเลยทีเดียวครับ ยิ่งตอนใกล้ๆถึงชินจูกุ รถบัสที่เรานั่งไปถึงช้ากว่ากำหนดประมาณ 30 นาทีครับ ก็เลยกะว่าจะไปหามื้อเย็นกินกันแถวๆที่พัก โดยจะเอาสัมภาระทั้งหมดเก็บที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยออกมากินข้าวกันจากสถานี Shinjuku กลับไปยัง Ueno เราเลือกเส้นทาง JR ครับ ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนรถ JR Yamanote คนเยอะเกือบตลอดทั้งวันเลยครับ เรากลับมาช่วงเย็นๆวันจันทร์พอดี เลยต้องยืนไปสักพักนึง
มื้อเย็นวันนี้ หลังจากเดินผ่านร้านนี้หลายรอบเห็นกระดองปูอยู่2กระสอบ แขวนไว้หน้าร้าน เราจึงขอลองสักหน่อย ร้านอยู่แถวๆตลาดอาเมโยโกะ ครับ ถ้าเข้ามาทางร้านของเล่น เดินตรงเข้ามาเจอสี่แยก เลี้ยวซ้ายเดินไปอีกแยกนึงก็เจอแล้วครับ ร้านนี้เปิด 24 ชั่วโมงครับ
เตาประจำแต่ละโต๊ะครับ
ออเดิร์ฟของป๊า 800 เยน
สั่งหอย กุ้ง แล้วก็ปู พนักงานก็หันหลังไปตักขึ้นมากันเลย สดๆ มาแล้ว ปู และ กุ้ง
แล้วก็หอยตัวเล็กๆสามตัว ^^ 1000เยน
มื้อเย็นของเบลล่าเป็นข้าวผัดครับ มื้อนี้สนนราคารวม 4,800 เยน
อิ่มท้องของคาวแล้วก็ได้เวลาของหวาน คราวก่อนมาญี่ปุ่นได้ลิ้มลองแล้วติดใจพุดดิ้งร้าน Pastel มากๆ สำหรับคนที่ชอบความหวาน เข้มข้น หนักๆ น่าจะชอบครับ สาขาตรง Ueno อยู่ๆแถวๆสะพานลอยข้ามแยกที่เราจะข้ามกลับไปยังโรงแรมพอดีครับ ปิดสี่ทุ่ม อยู่ในห้าง ซึ่งตัวห้างปิด 3 ทุ่ม ครับ สามารถเข้าออกทางสะพานลอยได้เลย เบลล่าชอบมากๆๆๆๆกับพุดดิ้งร้านนี้ครับ
เลือกกินไม่ถูกกันเลย
และแล้วภารกิจตามฝัน Mt Fuji Kawaguchiko ของเราในวันที่ 3 และ 4 ก็ได้เสร็จสมบูรณ์ ได้ทักทายกับฟูจิซัง แช่น้ำร้อน แช่ออนเซน เพลินๆที่ Music Forest กลับมา กินปู ต่อด้วยพุดดิ้ง Pastel เรียกได้ว่าครบดั่งตั้งใจเลยครับ
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามรีวิวมาจนถึงช่วงสุดท้ายสำหรับตอนแรกของรีวิวฉบับนี้ ผมจะพยายามเรียบเรียงข้อมูลต่างๆให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านที่สนใจ และ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆท่าน ถ้ามีข้อมูลอะไรผิดพลาด ตกหล่นไปก็ขออภัยมาด้วยครับผม
ขอส่งท้ายรีวิวด้วยฟูจิซังสวยๆอีกสักรูปครับ
ในตอนต่อไปจะเป็นการพาเบลล่าไปหาเพื่อนใหม่ของเธอครับ Beluga กับฉลามวาฬ และ ผองเพื่อน Mickeyทั้งหลาย มาติดตามความสนุกในตอนสุดท้ายของ The Journey of B&L Family in Japan ได้เร็วๆนี้ครับ
สุดท้ายนี้ หากท่านชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share กรอกอีเมล์ที่ http://www.bljourney.com หรือ กด Like ที่ Fanpage ของ B&L Family และ Fanpage น้องเบลล่า เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยแก่ผมด้วยครับ
ขอฝากช่องทางใหม่ ติดต่อ สอบถาม ทริปการเดินทาง ข้อสงสัยต่างๆอย่างรวดเร็ว ทาง Line Official ID ได้เลยครับ
ขอบคุณมากๆครับ
Pingback: กระเตงลูกเที่ยวญี่ปุ่น - Tokyo - เที่ยวเองง่ายๆ - The Journey of B&L Family
Pingback: Odaiba Tokyo : หนูเบลล่าพาลุยโอไดบะ - The Journey of B&L Family
Pingback: Yokohama Hakkeijima Sea Paradise - Aquarium สุดเจ๋งที่ไม่อยากให้พลาด - BLJourney