ตอนนี้ประเทศกลับมาเปิดให้เที่ยวแล้ว หากใครอยากบินไปเที่ยวไอร์แลนด์
ก็ขอวีซ่าแล้วไปได้เลยตอนนี้! ประเทศเปิดแล้วไปเที่ยวกัน
ณ สุดขอบของทวีปยุโรป เป็นที่ตั้งของประเทศที่มีธรรมชาติแสนงดงามที่ชื่อ “ไอร์แลนด์”(Ireland) เกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สอง เป็นรองแค่เกาะบริเตนใหญ่เท่านั้น หนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางใฝ่ฝันถึง ดินแดนที่เต็มไปด้วยปราสาทสวยงามราวเทพนิยาย ที่เที่ยวของไอร์แลนด์หลายหลาก ทั้งบรรยากาศในเมืองหลวงที่แสนคึกคักมีชีวิตชีวา และบรรยากาศนอกเมืองที่มีธรรมชาติและสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มีหลายจุดปักหมุดให้ตามรอยภาพยนตร์และซีรีย์ชื่อดัง
สำหรับขั้นตอนการเดินทางไปเที่ยวไอร์แลนด์ก็ไม่ยาก เพียงแค่ต้องเข้าไปดูมาตรการเดินทางระหว่างประเทศ ที่ Traveloka Travel & Lifestyle Super App จะมีใส่ไว้ให้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง จากนั้นก็ไปจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถเช่า หรือว่าแพลนเที่ยวกันให้ครบ สามารถจองใน Traveloka ให้จบภายในแอพเดียว แล้วถ้าใครมีคำถามว่าจะเริ่มสำรวจไอร์แลนด์ที่ไหนดี เราก็มี 10 ปีกหมุดแลนด์มาร์กไอร์แลนด์มาแนะนำกัน เผื่อเก็บไว้ในลิสต์รายชื่อแล้วไปลัดเลาะเที่ยวไอร์แลนด์ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ประทับใจที่ใครๆ ก็ต้องอิจฉา
จองตั๋วเครื่องบิน Traveloka ไปดับลิน >
https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Dublin.DUB
ไอร์แลนด์ มีอะไรเที่ยวบ้างมาดูกัน
1.หอคอยโอไบรอัน (O’Brien’s Tower)
เริ่มสำรวจไอร์แลนด์กันที่ “ผาโฮเมอร์” (Cliffs of Moher) จุดปักหมุดยอดนิยมที่สุดในไอร์แลนด์ เป็นแนวหน้าผาสูงริมชายฝั่งทะเลแอตแลนติก ริมหน้าผามีหอคอยโอไบรอันตั้งตระหง่านเป็นแลนด์มาร์กเด่น จากด้านบนสุดของหอคอยโอไบรอันสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างไกล เห็นครบทั้งหมู่เกาะ เทือกเขา และเวิ้งอ่าว นับเป็นเส้นทางขับรถเที่ยว Wild Atlantic Way ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ
2. สะพานเชือกคาร์ริกอะริด (Carrick-a-Rede Rope Bridge)
จุดปักหมุดยอดนิยมอันดับต้นๆ ของไอร์แลนด์ “สะพานเชือกคาร์ริกอะริด” เป็นแลนด์มาร์กสำคัญของเขตแอนทริม แรกเริ่มเดิมทีสะพานเชือกแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวประมง เพื่อใช้เป็นทางข้ามช่องแคบที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร ไปยังเกาะคาร์ริกอะรีด เพื่อตรวจดูแหดักปลาแซลมอน ปัจจุบันได้กลายเป็นสะพานวัดใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาประลองความกล้าในการข้าม พร้อมๆ กับชมวิวชายฝั่งที่แสนงดงาม
3. ปราสาทแอชฟอร์ด (Ashford Castle)
ปราสาทสุดงดงามอลังการแห่งเมืองอัชฟอร์ด ปราสาทแอซฟอร์ดตั้งตระหง่านริมทะเลสาบ สร้างในศตวรรษที่ 13 และยังเคยเป็นบ้านของตระกูล Guinness ตำนานเบียร์ของไอร์แลนด์ ก่อนจะกลายเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ยังคงเน้นการตกแต่งห้องพักแบบดั้งเดิม รวมไปถึงกระท่อมหลบภัยก็ถูกปรับให้เป็นที่พักด้วย ถ้าไปเที่ยวในฤดูร้อนก่อนจะเข้าถึงตัวปราสาทจะมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามมาก
4. ประภาคารแฟนแอดเฮด (Fanad Head Lighthouse)
“แฟนแอดเฮด” หนึ่งในประภาคารที่ยิ่งใหญ่แห่งไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวลอฟสวิลลี่ (Lough Swilly) และอ่าวมัลรอย (Mulroy Bay) ของคาบสมุทรแฟนแอดที่สวยงามตระการตา ได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในประภาคารที่สวยที่สุดในโลก ประภาคารแห่งนี้นับเป็นไฮไลท์ของเส้นทางขับรถเที่ยว Wild Atlantic Way เป็นจุดชมวิวชายฝั่งที่สวยงาม แถมยังมีที่พักให้บริการอีกด้วย
5. เมืองโคฟ (Cobh)
เมืองโคฟ เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของไอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กไอร์แลนด์ที่มีเรือสำราญมาจอดแวะเที่ยวชมเมืองที่มีจุดเด่นอยู่ที่ บ้านเรือนหลากสีสันที่ลดหลั่นกันตามแนวระดับความลาดเอียงของพื้นที่ หรือที่เรียกว่า “บ้านสำรับไพ่” (Deck of Cards Houses) โดยมีมหาวิหารสไตล์นีโอกอทิกเป็นฉากหลัง สวยงามราวกับภาพโปสการ์ดเลยทีเดียว ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่นต้นการเดินทางของเรือไททานิกก่อนจมลงอีกด้วย
6. สุสานโปลนาโบน (Poulnabrone Dolmen)
“โปลนาโบน” คือหลุมฝังศพที่ทำจากหินขนาดใหญ่ ที่มีความหมายตามชื่อว่า “หลุมแห่งความเศร้าโศก” ตั้งอยู่บนที่ราบสูงหินปูนในเขตแคลร์ นับเป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่โดดเด่นที่สุดของไอร์แลนด์ ที่คาดว่าสร้างในยุคหินใหม่ช่วง 2,000 – 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล สันนิฐานว่าที่แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจมาตั้งแต่ยุคโบราณ ปัจจุบันยังสามารถเห็นซากฟอสซิลในเนื้อหิน
7. หอระฆังแห่งวิทยาลัยทรินิตี้ (Campanile of Trinity College)
“วิทยาลัยทรินิตี้” สถาบันการศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดของไอร์แลนด์ มีแลนด์มาร์กโดดเด่นคือ หอระฆังหินแกรนิต สูง 30.5 เมตร ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวิทยาลัย นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของไอร์แลนด์ หอระฆังด้านบนเป็นห้องทรงกระบอกที่ล้อมรอบด้วยเสาดอริกสุดคลาสสิก หลังคาเป็นทรงโดมซ้อนกัน ระหว่างเสาแต่ละต้นมีรูปแกะสลักของนักปราชญ์ทั้ง 4 ซึ่งเป็นตัวแทนของศิลปศาสตร์
8. สะพานฮาพเพนนี (Ha’ penny Bridge)
“สะพานฮาพเพนนี” เป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำลิฟฟีย์ที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองดับลิน ในอดีตมีชื่อว่า “สะพานเวลลิงตัน” (Wellington Bridge) ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “สะพานลิฟฟีย์” (Liffey Bridge) และมาลงตัวที่ชื่อฮาพเพนนี เป็นสะพานเหล็กแบบโค้งต่ำตกแต่งเรียบง่ายที่ดูไม่มีอะไรสะดุดตา แต่ต้องบอกว่า บรรยากาศรอบๆ นี่แสนโรแมนติคมาก โดยเฉพาะในยามเย็นที่มักจะมีคู่รักเดืนเคียงคู่กันชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
9. ถนนกราฟตัน (Grafton Street)
“ถนนกราฟตัน” เป็นถนนสายช้อปปิ้งชื่อดังแห่งเมืองดับลิน เริ่มต้นเส้นทางจากวิทยาลัยกรีน ทอดผ่านไปถึงสวนสาธารณะเซนต์สตีเว่นส์กรีน ที่เต็มไปด้วยร้านบูติกแบรนด์ดังระดับโลก ร้านอาหารและผับไอริชที่เสิร์ฟเบียร์กินเนสส์ของแท้ดั้งเดิม อย่าลืมแวะร้านกาแฟ Bewley’s ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1927
ถนนเส้นนี้ยังมีแกลลกรี่แสดงงานศิลปะ และมีการแสดงเปิดหมวกที่หลากหลายให้ได้ชมกันทุกวัน
10. ย่านเทมเพิลบาร์ (Temple Bar)
ปักหมุดจุดสุดท้ายกันที่ย่านดังริมแม่น้ำลิฟฟีย์ในดับลิน ที่นี่ถือเป็นแหล่งวัฒนธรรมและศูนย์รวมความบันเทิง เต็มไปด้วยสีสัน มีร้านต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ศูนย์ศิลปะ การแสดงโชว์ อาร์ตแกลลอรี่หลายสิบแห่ง ร้านเสื้อผ้าบูติก คาเฟ่ ร้านอาหารนานาชาติ แน่นอนว่ามีผับให้แฮงก์เอาท์เต็มที่ นอกจากนี้ทุกๆ คืนวันเสาร์ ถ้าอากาศดีจะมีตลาดนัดหนังสือมือสอง ให้หนอนหนังสือมาเลือกซื้อเลือกหากัน
แม้จะเป็นประเทศในยุโรป แต่ไอร์แลนด์ไม่ได้รวมในกลุ่มประเทศเชงเก้น ต้องขอวีซ่าแยกของไอร์แลนด์ที่เดียว ใครไม่อยากเสียเวลาต่อเครื่อง Traveloka เค้ามีเที่ยวบินตรงไปยังกรุงดับลินด้วยนะ โดยเวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมงกว่า สะดวกรวดเดียวจบ ใครฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว แพคกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวกันได้เลย
จองตั๋วเครื่องบิน Traveloka ไปดับลิน >
https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Dublin.DUB
มาตรการเดินทางระหว่างประเทศ Traveloka Travel & Lifestyle Super App
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามรีวิวของผม นะครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ รบกวนฝากไลค์ Facebook Fanpage BLJourney เพจน้องเบลล่า และ Share บทความต่างๆของ BLJourney.comเพื่อเป็นกำลังใจให้กับ ครอบครัวของเราด้วยครับ รีวิวหน้าจะไปที่ไหนกันอย่าลืมมาติดตามชมกันนะครับ ขอบคุณมากๆครับ