Skip to content

15 ที่ เที่ยวตุรกี สุดฟิน เน้นโลเคชั่นถ่ายรูปสวย

เที่ยวตุรกี , ที่เที่ยวตุรกี , เที่ยวตุรกีด้วยตัวเอง ,ตั๋วเครื่องบิน , ตุรกี , จอร์เจีย , BLJourney , Turkey , trip to turkey , เที่ยวต่างประเทศ ,BLJourney , พาลูกเที่ยว , ตั๋วเครื่องบินราคาถูก , ส่วนลด , ทราเวลโลกา ,traveloka , ไปตุรกี , Test & Go , สุเหร่าโซเฟีย , Hagia Sophia , ฮาเกียโซเฟีย ,Blue Mosque ,ปามุกคาเล , Pamukkale , Topkapi Palace , คัปปาโดเกีย, Cappadocia , บอลลูน , balloon , หุบเขาแห่งจินตนาการ ,Imaginary Valley , โบดรัม , Bodrum

บินไปเที่ยวต่างประเทศกันได้แล้วตอนนี้ ถ้าหากจุดหมายปลายทางที่คุณอยากไป เป็นประเทศที่เดินทางไปได้ไม่ยาก และไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า “ตุรกี” เป็นหนึ่งในลิสต์ตัวเลือกอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะว่าตุรกีเปิดให้เดินทางไปเที่ยวกันได้แล้ว นักเดินทางสัญชาติไทยไปได้ไม่ต้องใช้วีซ่า และไม่ต้องกักตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ทางไทยได้ยกเลิก Test & Go ไปแล้ว ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น ความพิเศษของตุรกีคือเป็นประเทศที่อยู่ในทั้งสองทวีป มีทั้งฝั่งเอเชีย และยุโรป มีสถานที่เที่ยวสวยงามหลายแห่ง มีหลายเมืองที่น่าไปค้นหา เอาอย่างนี้ดีกว่า เปิดเข้าแอพฯ Traveloka Travel & Lifestyle Super App จองตั๋วเครื่องบิน Traveloka ไป เที่ยวตุรกี แล้วไปแพลนเที่ยวด้วยการจองที่พัก ที่เที่ยว รถรับส่งสนามบินให้จบครบ แล้วตามลิสต์กันเลยว่ามีที่เที่ยวตุรกีไหนน่าเที่ยวแบบฟินๆ บ้าง

จองตั๋วเครื่องบิน Traveloka ไปตุรกี สามารถจองได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Istanbul.ISTA

เที่ยวตุรกี มีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง

  1. สุเหร่าโซเฟีย (Hagia Sophia)

สุเหร่าโซเฟีย หรือว่า ฮาเกียโซเฟีย แลนด์มาร์คอันดับหนึ่งของตุรกี ที่นักท่องเที่ยวจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีแล้วต้องลิสต์สถานที่นี้เก็บไว้เพื่อไปเยือน แต่เดิมทีเคยเป็นทั้งมหาวิหาร และสุเหร่า เพราะว่าประเทศตุรกีนั้นมีศาสนาที่สำคัญทั้งสองก็คือ คริสต์ และอิสลาม มีลักษณะเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ เป็นโบสถ์ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปี หลังจากสุลต่านของตุรกีได้บุกยึดเมืองหลวง สถานที่แห่งนี้จึงได้กลายมาเป็นสุเหร่าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ ทั้งด้านใน และด้านนอก มีการตกแต่งที่สวยงามมาก โดดเด่นด้วยโดมขนาดใหญ่

2. มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque)

แม้มัสยิดจะดูคล้ายคลึงกัน แต่ทว่า “มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque)” มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก ด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความเป็นโรมัน และออตโตมันเข้าด้วยกัน ด้านในการใช้กระเบื้องหลากสี มีพื้นที่กว้างขวาง แม้ในทุกวันนี้ก็ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไป โดยเฉพาะชาวมุสลิมเดินทางไปสถานที่เพื่อไปละหมาด รวมถึงยังเป็นที่เที่ยวสำคัญของตุรกีด้วย ที่สำคัญคือเข้าชมฟรี แต่จะต้องแต่งกายสุภาพ และสำรวม เพราะเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาของชาวตุรกี

3. ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazarr)

ไม่ว่าจะอยากได้ที่เที่ยวสำหรับเดินเล่น ช้อปปิ้ง หรือซื้อของฝาก ของที่ระลึกกลับบ้าน พร้อมมีมุมสวยให้ได้ถ่ายรูป ขอให้มาเดินที่ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazarr) แล้วคุณจะค้นพบทุกสิ่งทุกอย่าง ตลาดแห่งนี้เป็นทั้งตลาดในร่ม และตลาดที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดตลาดหนึ่ง ด้านในอัดแน่นไปด้วยร้านค้ามากมาย ทั้งสินค้างานฝีมือ เครื่องเรือน เสื้อผ้า เครื่องประดับ และอื่นๆ อีกหลายชนิด แม้กระทั่งพรม หรือโคมไฟ ถ้าหากคุณมีเวลาแล้วอยากช้อปปิ้งในสไตล์โลคอล อยากเดินเลือกซื้อของต่างๆ มาเยือนตลาดแกรนด์บาซาร์แล้วรับรองว่าไม่มีเบื่อแน่นอน

4. ปามุกคาเล (Pamukkale)

จองตั๋วเครื่องบินไป เที่ยวตุรกี แล้วก็ต้องไปเยือน “ปามุกคาเล (Pamukkale)” ที่มีชื่อเป็นภาษาไทยแปลได้ว่า ปราสาทปุยฝ้าย หนึ่งในแลนด์มาร์คชื่อดังของตุรกี ไม่ใช่แค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ที่เที่ยวแห่งนี้ยังสามารถลงไปว่ายน้ำได้จริง ใครจะไปก็อย่าลืมพกชุดว่ายน้ำแสนเก๋ไปด้วย เพราะมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเดินทางมาเที่ยวเพราะอยากได้โลเคชั่นสำหรับถ่ายรูป ปามุกคาเลมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำหินปูนสีขาว มีน้ำเป็นสีฟ้าตัดกันสวยงาม ด้วยความที่เป็นภูเขาหินปูน จึงเห็นเป็นคล้ายกับสระว่ายน้ำลดหลั่นกันลงไป

5. พระราชวังโทพคาปี (Topkapi Palace)

พระราชวังขนาดใหญ่อันสวยงามที่ตอนนี้เปิดให้เข้าชมเป็นพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอิสตัลบูล มีความสำคัญตรงที่แต่ก่อนได้เป็นที่พำนักของสุลต่านของจักรวรดิออตโตมันมาเป็นเวลายาวนานมากกว่า 400 ปี ทว่าในปัจจุบันได้เปิดให้เข้าชมเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงของสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ ถ้วยชาม เฟอร์นิเจอร์ และได้ชมความงดงามของพระราชวัง ถูกแบ่งออกเป็นโซนอย่างชัดเจนทั้ง 3 โซนด้วยกัน ได้แก่ พระราชวังชั้นนอก พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม บริเวณด้านในที่ค่อนข้างกว้าง ใครอยากมาให้เผื่อเวลามาเดินให้ทั่ว อาจจะใช้เวลาทั้งวัน

6. คัปปาโดเกีย (Cappadocia)

ดินแดนต้องมนต์แห่งตุรกี ไม่ว่าใครไปเที่ยวตุรกีก็จะแนะนำให้เผื่อเวลาไปเที่ยวที่ “คัปปาโดเกีย (Cappadocia)” มีความโดดเด่นตรงที่สภาพภูมิประเทศเกิดจากการพ่นของลาวา และเถ้าถ่านจำนวนมาก ก่อให้เกิดเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ ทำให้คัปปาโดเกียโดดเด่นไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่แล้วคนไปเที่ยวคัปปาโดเกียมักจะนอนกันสักคืนสองคืน เพราะมีที่เที่ยวให้คุณไปเยือนมากมาย อีกหนึ่งกิจกรรมหลักคือการขึ้นบอลลูนไปชมวิวสวยๆ ของคัปปาโดเกีย หรือจะตื่นเช้ามาเพื่อถ่ายรูปกับวิวบอลลูนด้านหลังก็ฮิตอย่าบอกใคร ที่สำคัญคัปปาโดเกียมีเมืองใต้ดินมากมาย ที่สามารถจุคนได้นับหมื่น และอาศัยอยู่ในใต้ดินได้แบบสบายๆ

7. อารามสุเมลา (Soumela Monastery)

ไม่ใช่แค่เป็นอารามธรรมดาทั่วไป แต่อารามสุเมลาเป็นอารามที่สร้างขึ้นภายในชั้นหิน อารามของนิกายกรีกออร์โธดอกซ์ อยู่เหนือน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร รายล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยงาม ตั้งอยู่ที่บริเวณชายแดนของหมู่บ้าน Altinder ที่ดูลึกลับ และแปลกตาเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่คุณจะถ่ายรูปออกมาได้สวยฟินอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเก่าแก่มาก เพราะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 4 การขึ้นไปยังด้านบนจะต้องเดินเท้าขึ้นไป ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร แต่รับรองเลยว่าสวยคุ้มค่ากับการไปเยือนแน่นอน

8. หุบเขาผีเสื้อ (Butterfly Valley)

หนึ่งในที่เที่ยวสวยของตุรกีที่สวยแบบติดตาตรึงใจ ตั้งอยู่ในเฟทิเย มีลักษณะเป็นภูเขาสูง และมีหาดทราย มองเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีฟ้าครามได้อย่างสวยงาม ด้วยความที่การเดินทางไปยังหุบเขาผีเสื้อนี้จะเข้าได้แค่ทางเรือแต่เพียงเท่านั้น เนื่องจากเป็นที่อยู่ของผีเสื้อนานาพันธุ์ จึงทำให้สถานที่นี้ถูกเรียกว่าหุบเขาผีเสื้อ และบริเวณด้านหลังยังสามารถเดินเข้าไปยังสวนผีเสื้อ ที่มีทั้งพืชพันธุ์นานาชนิด รวมไปถึงผีเสื้อเยอะแยะมากมาย หรือใครอยากชมความงามของน้ำตก ก็เดินขึ้นไปบนเทือกเขาเพื่อชมน้ำตกได้เช่นเดียวกัน

9. ช่องแคบบอสพอรัส (bosphorus)

.

กิจกรรมหนึ่งอันเป็นที่นิยมของคนที่เดินทางไป เที่ยวตุรกี คือการไปนั่งเรือชมความงดงามของ ช่องแคบบอสพอรัส (bosphorus) หรือที่ชาวตุรกีเรียกว่ามันคือช่องแคบตุรกี ซึ่งการเดินทางไปล่องเรือนี้ก็ไม่ยากแต่อย่างใด เพียงแค่ซื้อทัวร์ หรือว่าทริปแบบวันเดย์ทริปเพื่อไปเที่ยว มีทั้งทริปล่องเรือ หรือว่าจะรับประทานอาหารชมวิวตอนกลางคืนก็ย่อมได้ โดยช่องแคปนี้มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร เอาไว้ใช้เดินเรือ เชื่อมต่อกับทะเลดำ มีความสำคัญตรงที่เอาไว้ใช้แบ่งดินแดนด้านที่เป็นเอเชีย และยุโรปออกจากกัน เวลาล่องเรือไปคุณจะได้ชมสิ่งที่น่าสนใจระหว่างทาง อย่างเช่นที่เที่ยวต่างๆ เป็นต้น

10. หอคอยกาลาตา (Galata Tower)

หอคอยแห่งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเรียกว่า “หอคอยกาลาตา (Galata Tower)” เป็นภาษาละติน ที่แปลออกมาได้ความว่าหอคอยแห่งพระคริสต์ ตั้งอยู่ในเมืองอิสตัลบูล ประเทศตุรกี จัดว่าเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คยอดฮิตของเมืองอิสตัลบูล มองเห็นได้โดยงานเพราะมีลักษณะเป็นหอคอยทรงโรมันที่มีความสูง เป็นหอคอยเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1891 ด้านในหอคอยจะมีทั้งหมด 9 ชั้น เมื่อขึ้นไปด้านบนจะสามารถชมวิวสวยของเมืองอิสตัลบูลได้ จึงกลายมาเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองอิสตัลบูล

11. หุบเขาเดฟเรนท์ (Devrent Valley)

อยากได้โลเคชั่นแปลกตาสำหรับถ่ายรูป พร้อมมีกลิ่นอายของความเก๋ไก๋ ปักหมุดไว้ที่หุบเขาเดฟเรนท์กันได้เลย หุบเขานี้ตั้งอยู่ที่เนฟเซียร์ ประเทศตุรกี มีอีกหนึ่งชื่อเรียกก็คือ “หุบเขาแห่งจินตนาการ” (Imaginary Valley) ปรากฎเป็นหินรูปร่างแปลกตา น้อยใหญ่มากมาย เมื่อถ่ายรูปออกมายิ่งเหมือนอยู่บนดาวเคราะห์สักดวง หรือคนส่วนใหญ่มักบอกว่าเหมือนอยู่บนดวงจันทน์ หรือดาวอังคาร ด้วยความที่เรียงรายไปด้วยหินรูปร่างแปลกตา จึงมีคนนิยามว่าหินแต่ละแบบดูคล้ายสัตว์แต่ละชนิด สำหรับหินที่เหมือนเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่ คือหินรูปอูฐ

12. หาดภัทรา (Patara Beach)

ข้อดีของตุรกีคือมีทั้งสถานที่เที่ยวป่า หุบเขา น้ำตก หรือแม้แต่ทะเลก็มีครบ หาดภัทราเป็นอีกหนึ่งหาดที่ขึ้นชื่อมากของตุรกี มีความยาวของชายหาดประมาณ 18 กิโลเมตร คนส่วนใหญ่นิยมมาพักผ่อน หรือพักร้อนกันที่บริเวณหาดนี้ เพราะเหนืออื่นใด นอกจากความงดงามของทะเลสีฟ้าคราม และชายหาดสีขาว ยังมีทัศนียภาพโอบล้อมไปด้วยทิวเขาด้วย ติดอันดับทั้งการเป็นชายหาดที่ยาว และงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในตุรกี ยิ่งช่วงไฮซีซั่น บริเวณหาดภัทรานี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คน แนะนำถ้ามาให้แวะค้างกันสักคืนสองคืน

13. พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahçe Palace)

พระราชวังริมฝั่งทะเลมาร์มาร่า หากคุณอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวเชิงธรรมชาติ ไปหาโลเคชั่นสวยที่อยู่ในเมือง อิสตัลบูล เป็นหนึ่งในที่เที่ยวสุดอลังการเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันร่ำรวยของออตโตมัน แถมยังมีการผสมผสานระหว่างตะวันออก และตะวันตกเข้าด้วยกัน มีสีขาวโดดเด่น เพราะพระราชวังโคลมาบาห์เชถูกสร้างขึ้นด้วยหินอ่อน โดยคอนเซ็ปท์ก็คือพระราชวังสมัยใหม่ ในทุกวันนี้บางส่วนของพระราชวังเปิดให้เข้าชมได้ และเปรียบเสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ด้านในจะมีสิ่งน่าสนใจมากมาย มีทั้งพรม สิ่งของมีค่า และภาพวาดสีน้ำมันจากจิตรกรชื่อดัง

14. โบดรัม (Bodrum)

พักผ่อนจากความวุ่นวาย หนีไปตากอากาศกันที่เมืองโบดรัมกันดีกว่า ซึ่งเมืองโบดรีมนี้ถือว่าเป็นเมืองยอดฮิต ผู้คนชอบไปท่องเที่ยวเพราะว่าสวยงามของเมือง และเมืองนี้ก็ติดกับชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของท้องทะเล นอกเหนือจากนั้นเมืองโบดรัมยังมีบรรยากาศที่โรแมนติก ใครไป เที่ยวตุรกี กับคู่รัก อยากจูงมือกันไปนอนอาบแดดริมชายหาด หรือดื่มด่ำกับวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ เมืองโบดรัมให้สิ่งเหล่านั้นกับคุณได้อย่างแน่นอนทีเดียวเชียวละ

15. Saklikent National park

มาถึงสถานที่เที่ยวสุดสวยอลังการของตุรกีที่จะทำให้คุณประทับใจเป็นแห่งสุดท้ายกันบ้าง กับ “Saklikent National park” เป็นอุทยานแห่งชาติที่ด้านในมีลักษณะเป็นแกรนด์แคนยอน ให้คุณได้เดิน trekking ไปเรื่อยๆ ที่ทั้งสวยงาม และเหมาะกับนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์เป็นอย่างมาก มีลักษณะเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ มีร่องน้ำอยู่ตรงกลาง สามารถเดินไปสำรวจได้ กิจกรรมแนะนำที่เมื่อมาที่นี่แล้วอยากให้ลองกัน คือกิจกรรมล่องห่วงยาง ที่เราจะสามารถล่องห่วงยางไปตามน้ำ แต่จะต้องจ้างไกด์ หากอยากได้กิจกรรมสุดแปลกใหม่ ควรเก็บไว้ในลิสต์ได้เลย

หวังใจว่าลิสต์ที่เที่ยวตุรกีเหล่านี้จะช่วยให้คุณแพลนลิสต์ที่เที่ยวได้ง่ายดายมากขึ้น ถ้าหากใครคิดถึงการไปเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้ประเทศก็เปิดให้ไปเที่ยวกันได้แล้ว เลือกวิธีง่ายๆ แค่กดเข้าไปจองตั๋วเครื่องบิน Traveloka กับแอพฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่าง Traveloka Travel & Lifestyle Super App คอนเฟิร์มว่าทุกอย่างจะจบครบภายในแอพเดียวแน่นอน

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่ติดตามรีวิวของผม นะครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ รบกวนฝากไลค์ Facebook Fanpage BLJourney เพจน้องเบลล่า และ Share บทความต่างๆของ BLJourney.comเพื่อเป็นกำลังใจให้กับ ครอบครัวของเราด้วยครับ รีวิวหน้าจะไปที่ไหนกันอย่าลืมมาติดตามชมกันนะครับ ขอบคุณมากๆครับ

Comments

comments

Leave a Reply